ชื่องานวิจัย :การประเมินการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สอนโดยใช้รูปแบบการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยม
ชื่อผู้ทำวิจัย สถาบันปีที่พิมพ์ : นางสาวปิยนุช รัตนวรรณี มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2544
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อประเมินกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สอนโดยใช้รูปแบบการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยม
2. เพื่อประเมินผลการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สอนโดยใช้รูปแบบการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยม
วิธีการดำเนินวิจัย
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สอนโดยใช้รูปแบบการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยม เรื่องเศษส่วนและทศนิยมภาคเรียนที่ 1 พ.ศ.2544 ผู้ทำวิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.การเลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา 2544 โรงเรียนบ้านเปือยสำนักงานการศึกษาอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร จำนวน 31 คน
2.เครื่องมือและการศึกษาเครื่องมือ
2.1เครื่องมือที่ใช้ในการปฏิบัติการวิจัย ได้แก่แผนการสอนตามรูปแบบการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยม วิชาคณิตศาสตร์เรื่องเศษส่วนและทศนิยมจำนวน 16 แผนการสอน
2.2 เครื่องมือที่ใช้ประเมินกระบวนการเรียนรู้ของนักเรียน
1)แบบสังเกตพฤติกรรมการสร้างความรู้ด้วยตนเองของนักเรียนและแบบประเมินตนเองของนักเรียน
2)แบบฝึกทักษะในการแก้ปัญหา
2.3 เครื่องมือที่ใช้วัดการเรียนรู้ของนักเรียน
1)แบบทดสอบวัดความก้าวหน้าของนักเรียน
2)แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางกาเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่องเศษส่วนและทศนิยม
3)โครงงานวิชาคณิตศาสตร์
2.4 เครื่องมือสะท้อนผลการปฏิบัติ เป็นแบบสังเกตพฤติกรรมการสอนของครูในแต่ละแผนการสอนเพื่อนำผลที่ได้ไปปรับปรุงการเรียนการสอนในครั้งต่อไป
3.รูปแบบการวิจัยผู้วิจัยกำหนดแนวทางการวิจัยตามแบบแผนการวิจัยเชิงปฏิบัติโดยการดำเนินการตามวงจรการวิจัยเชิงปฏิบัติการ 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
3.1 ขั้นตอนการวางแผนปฏิบัติ ( Plan )
1)กำหนดคณะทำงานผู้ร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนและการประเมินการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ ประกอบด้วยผู้บริหารโรงเรียน ครูวิชาการโรงเรียน ผู้ช่วยวิจัย ศึกษานิเทศก์นักเรียน
2)ศึกษาค้นคว้าเอกสารวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตลอดจนการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ตามแนวคิดของทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยม
3)วางแผนการดำเนินงานโดยวิเคราะห์หลักสูตร ศึกษาเอกสารการสอนจุดประสงค์การเรียนรู้และเนื้อหา จำนวนหน่วยการเรียน เวลาเรียน
4)ศึกษาและสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3.2 ขั้นปฏิบัติการ ( Act ) เป็นการนำแผนการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยมที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นมาดำเนินการสอนขณะลงมือปฏิบัติการสอนใช้การวิเคราะห์ วิจารณ์ ประกอบด้วยโดยรับฟังจากผู้ช่วยวิจัย
3.3 ขั้นตอน ( Observe ) เป็นการสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยสังเกตกระบวนการปฏิบัติการและผลของการปฏิบัติการ
3.4 ขั้นสะท้อนผลการปฏิบัติ ( Reflect ) นำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการบันทึกของผู้ร่วมวิจัย มาวิเคราะห์วิจารณ์ อภิปรายร่วมกันสรุปศึกษาถึงปัญหาหรือสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อเป็นข้อมูลที่นำไปสู่การปรับปรุงและการวางแผนใหม่เพื่อใช้ในวงจรต่อไป
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
4.1 ติดต่อประสานงานโรงเรียนที่ผู้ทำวิจัยใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
4.2 ชี้แจงให้ความรู้รายละเอียดในกระบวนการเรียนการสอน
4.3ดำเนินการสอนโดยใช้เวลาในการทดลอง 16 คาบ คาบละ 50 นาที จำนวน 16 แผนการสอน
5. การวิเคราะห์ข้อมูลนำข้อมูลมาวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพดังต่อไปนี้
5.1 ข้อมูลเชิงปริมาณได้แก่ การหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของทักษะการแก้ปัญหาและความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลง
5.2 ข้อมูลเชิงคุณภาพ เป็นการนำข้อมูลจากสิ่งที่ค้นพบคือ ขั้นสร้างความขัดแย้งทางปัญญา ขั้นกิจกรรมไตร่ตรองขั้นสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา จากนั้นประมวลสรุปผลในรอบสุดท้ายเพื่อประมูลข้อดีทั้งปัญหาที่ต้องปรับปรุงเพื่อนำมาสู่ผลสรุปการวิจัย
ผลของการวิจัย
ผู้วิจัยได้แบ่งการวิจัยเป็น 4 วงจรมีผลการทำวิจัยดังนี้
1.ผลการประเมินการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สอนโดยใช้รูปแบบการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยม
1.1 ขั้นสร้างความขัดแย้งทางปัญญา ได้แก่
1)การเชิญสถานการณ์ปัญหา
2)ขั้นสร้างความเข้าใจในปัญหา
3)แนวทางการแก้ปัญหา
สรุปได้ว่าการที่ให้นักเรียนได้เผชิญสถานการณ์ที่เป็นปัญหาและได้ปฏิสัมพันธ์กับสังคมจะช่วยให้นักเรียนเกิดความขัดแย้งทางปัญหา โดยผ่านการปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ครูและจากแหล่งความรู้ที่ทำให้นักเรียนสามารถขจัดความขัดแย้งเหล่านั้นได้
1.2 การดำเนินกิจกรรมไตร่ตรอง ได้แก่ กิจกรรมไตร่ตรองระดับกลุ่มย่อยการดำเนินกิจกรรมไตร่ตรองระดับกลุ่มใหญ่ การสร้างสถานการณ์ปัญหาหรือสร้างโจทย์ปัญหาสรุปได้ว่านักเรียนส่วนใหญ่จะเกิดพฤติกรรมในการดำเนินไตร่ตรองเพื่อตรวจสอบและปรับเปลี่ยนสมมติฐานหรือปัญหาต่างๆของนักเรียนแต่ละคนเสนอเพื่อคลี่คลายสถานการณที่เป็นปัญหานั้น อย่างพินิจพิเคราะห์ด้วยเหตุผลต่างๆเพื่อขจัดความขัดแย้งและแก้ปัญหานั้นๆระหว่างบุคคล
1.3ขั้นสร้างโครงสร้างใหม่ทางปัญญา
2.จากการประเมินผลการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สอนโดยใช้รูปแบบการสอนตามทฤษฎีสร้างสรรค์ความรู้นิยมสามารถสรุปได้ดังนี้
2.1 ผลการประเมินความก้าวหน้าของนักเรียน มีทั้งนักเรียนจะพัฒนาความก้าวหน้าในระดับสูงที่สุดพัฒนาความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นักเรียนมีความก้าวหน้าลดลงและเพิ่มขึ้นตั้งแต่วงจรที่ 1-4
2.2 ผลการประเมินผลการประเมินทางคณิตศาสตร์ มีทั้งนักเรียนที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงระดับดีเยี่ยม และยังคงระดับเดิมเอาไว้ มีคะแนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงระดับดีมาก และยังคงระดับเดิมเอาไว้ มีคะแนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับดีและลดลงในระดับเดิม
2.3 ผลจากการประเมินแบบทดสอบ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในระดับที่น่าพอใจและผ่านเกณฑ์ความรู้ที่กำหนดไว้ร้อยละ 60 ของคะแนนเต็ม
3. การสะท้อนผลการปฏิบัติ
3.1 พฤติกรรมของครู ครูจะมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนช่วยให้นักเรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองและใช้คำถามกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้มากขึ้น
3.2 กิจกรรมเสริมบทเรียน นักเรียนมีความสนใจและกระตือรือร้นและมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์